เทศน์เช้า

เทศน์ค่ำ

๑๓ ม.ค. ๒๕๔๕

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๕
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

มันมีทั้งความดีและความชั่ว ความดีไง โลกนี้ความดี ถ้าโลกทำความดีมันก็เป็นความดีไป โลกทำความชั่วมันก็เป็นความชั่วไป ความดีความชั่วของโลกเขา มันเป็นของโลกเขา แต่เราอยู่ในโลกเขาเราก็ต้องฝืน

เราทำความดีในความชั่ว ทำความดีในที่เขาทำความชั่วกัน แล้วเราจะทำความดีขึ้นมานี่ มันต้องโดนเขาคัดเขาค้านตลอด... เขาคัดเขาค้านเขาพยายามทำลายเรา เราจะไปฝืนได้อย่างไร ความดีความชั่วภายนอกโลกเป็นอย่างนั้น โลกมันจะหมุนไปแล้วดึงให้ลงต่ำไปตลอด ลงต่ำไปเพราะมันเห็นแก่ตัวไง

แต่ความดีความชั่วอยู่ข้างนอกมันก็มีเห็นไหม ความดีความชั่วภายในใจของเราก็มี ความดีความชั่วของเราภายในหัวใจเราจะฝืนอย่างไร ถ้าเราฝืนของเราได้ เราต้องหัดฝืนของเรา ความดีความชั่วมีทุกที่ โลกมี ๒ ด้านตลอด โลกนี้มี ๒ ด้าน ถ้าด้านใดจะทำให้เป็นคุณประโยชน์ เราก็ต้องฝืนทำ ถ้าเป็นภาษาโลกเขา มันไหลลงไปตามภาษาโลกเขา มันเป็นความพอใจของมันไง ความพอใจของใจจะไหลไปอย่างนั้น

ถ้าอย่างนั้นแล้วเราทำคุณงามความดี คิดดูสิ เราทำคุณงามความดีในสิ่งที่ว่าเขาดึง เขาถูเขาไถอยู่ เราต้องทำขนาดนั้น ความทำของเรามันจะฝืนขนาดไหน มันจะทุกข์ยากขนาดไหน มันต้องฝืน ต้องทำ มันทุกข์ยาก มันถึงต้องฝืนเข้าไปนะ แล้วทำความดีในความชั่วของโลกเขา เราถึงจะทำได้

แล้วถ้าทำความชั่วล่ะ ความชั่วโลกมันจะเป็นไปตลอด มันจะเป็นไปตามภาษาของมัน มันก็เป็นไปอย่างนั้น แล้วก็ดึงไปภาษาโลกเขา แล้วก็ให้ความเร่าร้อนนะ มันทำความชั่วแล้วไม่ใช่ความชั่วแล้ว ความพอใจของมันนี่ สุดท้ายแล้วมันเอาความเร่าร้อนมาให้เผาหัวใจ

ถ้าทำคุณงามความดี ตอนทำๆ ลำบาก ทำลำบากเพราะอะไร เพราะเขาฝืน เขารื้อ เขาพยายามฝืน เขาพยายามไม่ให้เราทำ เพราะอะไร เพราะใจมันเป็นความอย่างนั้น ใจมันชั่วอย่างนั้น มันต้องพยายามดึงของมันไว้อย่างนั้น มันไม่ยอมให้เป็นไปตามภาษาความดีหรอก มันเห็นแล้วมันฝืนใจของมัน มันฝืนใจนะ.. มันแทงใจ มันไม่เห็นคุณงามความดีแล้วด้วย คนทำคุณงามความดีต่อหน้ามัน มันก็ไม่พอใจ

ทำคุณงามความดีท่ามกลางความชั่วของโลกเขา แต่ความชั่วของโลกเขา มันก็เป็นไปภาษาโลกเขา แล้วโลกชั่วทั้งหมดเลยมันก็ไม่ใช่ มันเป็นในหัวใจ มันโลกเทียบจากโลกภายนอก แล้วเทียบมาจากภายในหัวใจของเรา ในหัวใจของเรามันก็มีเห็นไหม มันมีความคิดดี ความคิดไม่ดีเกิดขึ้น

ถ้าความคิดดี.. มันพยายามทำคุณงามความดี ความคิดไม่ดีมันก็พยามยามจะเหนี่ยวรั้งเหมือนกัน ถ้าความคิดไม่ดีเหนี่ยวรั้งมันก็เป็นอย่างไร ความดีความชั่วภายในหัวใจ มันเกิดตลอดเลยเพราะอะไร เพราะอวิชชา ปัจจยา สังขารา กิเลสในหัวใจมันคิดของมันไป มันคิดของมัน ภาษาว่าควบคุมไม่ได้ไง

สิ่งที่ควบคุมไม่ได้มันอยู่กับหัวใจไป มันถึงทำให้ใจนี้ขับเคลื่อนไปตลอด ใจของเราจะขับเคลื่อนไปกับสิ่งนั้น ความคิดหมุนเวียนไป มันเป็นไป แล้วถ้าทำคุณงามความดี เราพยายามทำคุณงามความดี

อย่างเช่น ประพฤติปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา มีทานเห็นไหม ทำทานขึ้นมา พยายามทำคุณงานความดีขึ้นมา มันก็มีความตะขิดตะขวงใจ มันมีความเบื่อหน่าย.. ความเบื่อหน่ายในใจเรื่องของทานเห็นไหม

แล้วเรื่องของศีล เรื่องของภาวนา ภาวนานี้มันความละเอียด ความหยาบ ! ความหยาบคืออารมณ์ความคิดหยาบๆ แต่จะให้มันละเอียดเข้าไป มันละเอียดเข้าไปไม่ได้ ทำความละเอียดท่ามกลางความหยาบของหัวใจ ความหยาบของหัวใจมันจะหยาบ มันจะดึงรั้ง มันจะเหนี่ยวรั้งไว้ มันจะเป็นปกติโลก เป็นอุปาทาน เป็นความคิด เป็นความนึกโลกเขา เป็นโลกียะ เป็นเรื่องของโลก กับโลกุตตระเป็นเรื่องของความละเอียดอ่อนของใจ มันจะฝืนเข้าไปอย่างนั้น

ความคิด ๒ ด้าน แม้แต่ทำคุณงามความดีว่าเป็นคุณงามความดี มันก็เป็นหยาบ มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด ! ความคิดหยาบๆ มันจะละเอียดขึ้นไปไม่ได้ ถ้าความคิดหยาบๆ มันเป็นความคิดที่หยาบอยู่อย่างนั้น มันจะสงบตัวลง มันอ่อนตัวลงเป็นความคิดที่ละเอียดขึ้นไป

ความคิดที่ละเอียดขึ้นไป มันต้องผ่านจากความหยาบไป ความหยาบมันดึงไว้ ท่ามกลางทำคุณงามความดีจะละเอียดเข้าไป มันก็ต้องผ่านกับความหยาบเข้าไป.. ความหยาบเข้าไป มันจะละเอียดเข้าไป มันต้องต่อต้าน มันต้องขับไส

ความต่อต้านขับไส แต่เราไม่เห็น เราเห็นแต่ความนั่งสะดวก นั่งสงบเฉยๆ มันจะมีคุณประโยชน์อะไร มีคุณประโยชน์สิ ! กรรมกรแบกหามทำงานหยาบๆ... แล้วกรรมกรแบกหามทำงานหยาบๆ ขึ้นมา มันก็เป็นงานโครงสร้างขึ้นมา แต่งานการตกแต่ง งานจะเป็นไป เราต้องทำคุณงามความดี มันจะมีโครงสร้างมันก็อยู่ไปไม่ได้ มันจะมีความละเอียดขึ้นมา งานนั้นถึงจะจบสิ้นไป

ความละเอียดความรอบคอบของใจ ถ้าละเอียดรอบคอบของใจ มันจะฝืนใจ มันทำใจของมันให้จบสิ้น ทำใจของเราให้จบสิ้นต่อไป ความจบสิ้นในอะไร ความจบสิ้นในความเหงา ความว้าเหว่ไง นี่ความทุกข์หยาบๆ ! ความทุกข์ที่ว่าเราไม่พอใจสิ่งใดนั้น เป็นความทุกข์ที่หยาบๆ

ทุกคนก็มีความทุกข์ มันปรารถนาสิ่งใด แล้วไม่ได้สมความปรารถนา มันปรารถนาสิ่งใดไม่สมความปรารถนา มันมีแต่ความทุกข์ แต่ถ้ามันละเอียดเข้าไป ความอาลัยอาวรณ์นั่นน่ะเป็นทุกข์ตัวสุดท้ายนะ

ทุกข์ตัวสุดท้าย.. ความอาลัยอาวรณ์ของใจที่มันพลัดพรากจากกันน่ะ มันจะพลัดพรากไปไม่ได้ มันอาลัยอาวรณ์ ความที่มันละเอียดเข้าไป... ละเอียดเข้าไป มันละเอียดเข้าไปจนเป็นความอาลัยอาวรณ์ มันเหนี่ยวรั้งไว้ ความเฉา ความว้าเหว่ ความพิลาปรำพันของหัวใจนั่นล่ะ มันเป็นตัวสุดท้ายที่ว่ามันจะขาดออกไปจากใจ

แล้วมันละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ แล้วถ้าสิ่งที่มันเป็นความหยาบ มันจะเข้าไปกำจัดความละเอียดในใจได้อย่างไร มันต้องความละเอียดเข้าไป ความเป็น ๒ ด้านของมัน มันมีตลอดไปตั้งแต่ข้างนอก ข้างนอกก็มีความ ๒ ด้าน ต้องฝืน เราจะฝืน.. ฝืนกับกิเลส เพื่อเข้าไปหาธรรม

ฝืนจากข้างนอกเข้ามาจะเป็นภายใน ฝืนจากภายใน ฝืนจากใจของเรา ฝืนจากความหยาบของใจของเรา ถ้ามันเป็นธรรม เป็นบุญกุศลขึ้นมาแล้วน่ะ ฝืนจากความหยาบให้เป็นความละเอียดเข้าไป ละเอียดในหัวใจนั้นมันจะรู้เอง ใจนี้จะเป็นปัจจัตตัง จะรู้ตามความเป็นจริงของมัน มันจะรู้ของมันว่ามันละเอียดเข้ามาขนาดไหน

แต่ถ้าไม่รู้นะ... เราไปถาม เรามีความลังเลสงสัย เราอยากจะแก้ความลังเลสงสัยของเรา เราอยากแก้ความเป็นไปของเรา แต่เราแก้ด้วยวิชาการ พยายามถาม พยายามจะให้ครูบาอาจารย์สอนจะให้ถึงเป็นอย่างนั้นให้ได้ จะให้ความเข้าใจ คนเรามันเป็นอย่างนั้น ความคิดของโลกมันคิดว่าปัญญาคือปัญญา ความคิดคือความคิด แต่ความจริงมันไม่ใช่ ! ความคิดของโลกมันเป็นโลกียะ เป็นความคิดของโลก เหมือนกับความคิดของโลก

ดูคนที่มันเป็นความหยาบเห็นไหม ความหยาบของเขา เขาคิดว่าความละเอียดขึ้นมาไม่ได้ เขาอยู่ในวงหยาบของเขา เขาจะละเอียดอ่อนขึ้นมาในใจไม่ได้ นี่ก็เหมือนกัน ความคิดของโลกเป็นความคิดของโลก จะถามจะตอบปัญหาขนาดไหน ทำให้ความลังเลสงสัยขาดออกไปจากใจ มันก็เป็นความสัญญาเห็นไหม มันเข้าไปชำระหัวใจไม่ได้

ถ้ามันเป็นโลกุตตระ มันเป็นความคิดของใจที่มันเกิดขึ้นมาจากภายใน มันเป็นปัญญาอันหนึ่ง ปัญญาตัวนั้น มันต้องเกิดจากความหยาบที่ว่ามันเป็นความหยาบ เราไปห่วงความหยาบ มรรคหยาบ ความคิดหยาบๆ

ความคิดว่าเราว่าสิ่งนี้เป็นคุณงามความดีแล้ว เราติดคุณงามความดีของเรา เรายึดคุณงามความดีของเรา พยายามยึดของเราไว้ เพราะสิ่งนั้นเป็นคุณงามความดี แล้วไม่ยอมทิ้ง ! ถ้าไม่ยอมทิ้งมันจะเข้าไปถึงความละเอียดอ่อนไม่ได้ ถ้าเราไม่ยอมทิ้งปัญญาความคิด เวลามันปล่อยไปสิ ปล่อยไปแล้วมันจะเกิดความคิดใหม่ที่ละเอียดขึ้นมา

ความละเอียดขึ้นมาจากความคิดภายในขึ้นมา มันละเอียดอ่อน มันทะลุขึ้นไป มันทะลุจากความคิด ปัญญาความรอบรู้ในความคิดอีกชั้นหนึ่ง ความรอบรู้ในความคิดของเรามันจะวนเข้าไปจากภายใน แล้วน่ะมันถึงว่ามรรคละเอียดมันจะเกิดขึ้นมา เพราะเรายอมละยอมวางความหยาบ ถ้าเราไม่ยอมละยอมวางความหยาบ ความหยาบมันก็จะเป็นหยาบอยู่อย่างนั้น

มรรคหยาบมันฆ่ามรรคละเอียดอย่างนั้น คือว่ามรรคละเอียดเกิดขึ้นมาไม่ได้ ถ้ามรรคละเอียดมันเกิดขึ้นมาได้ มันจะหมุนกลับมาชำระกิเลสของเรา ชำระความอาลัยอาวรณ์ ความชำระความว้าเหว่ ความว้าเหว่ความพิลาปรำพันของใจเห็นไหม มันอุ่นกินในหัวใจของเรา

ถ้าใจมันอยู่อย่างนั้น มันจะเป็นความรัก มันจะเป็นความเฉา เป็นความเศร้าหมองในใจ ความเศร้าหมองของใจนี้ เรากำจัดออกไป มันมี ๒ ด้าน โลกมี ๒ ด้านในข้างนอกของเขา โลกในหัวใจเราก็มี ๒ ด้าน จากภายในเข้ามาภายในหัวใจของเรา แล้วเราแก้ไขใจของเราเข้ามา แก้ไขเข้ามาเป็นชั้นเป็นตอนเข้ามา มันจะเป็นนะ โลก ๒ ด้านมันก็ต้องก้าวเดินกันไป

สัมมาสมาธิ ! มีสมาธิ มีความตั้งมั่นของใจ แล้วมันจะเกิดปัญญาขึ้นมา ปัญญาที่เกิดจากสัมมาสมาธิขึ้นมา มันถึงเป็นปัญญาของธรรม ถ้าปัญญาของความคิดของเราขึ้นมานี้ มันเกิดจากความอยากของเรา มันไม่ได้เกิดจากสัมมาสมาธิ มันเกิดจากความอยาก ความคิดของเรา

ความคิดอยากขนาดไหนมันก็คิดไปภาษามัน ด้วยกิเลสพาคิด กิเลสพาป้อน กิเลสพาเป็นไป เพราะมันมีตัวเชื้อเดิมของมัน มันหนุนขึ้นมา นั่นน่ะกิเลสคิด ความคิดปัญญาเกิดจากความอยาก กับปัญญาเกิดจากความไม่อยากเห็นไหม ความอิ่มเต็มของสัมมาสมาธิ ความพอใจ ความอิ่มใจ ใจมันพอตัวของมันขึ้นมา มันรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นความอยาก มันทิ้งมาเรื่อย.. มันทิ้งมาเรื่อย

พอทิ้งมาเรื่อยมันทรงตัวมันได้ ความทรงตัวได้ ปัญญานี้มันเกิดขึ้นจากสัมมาสมาธิ เกิดขึ้นจากความเห็นภายใน ๒ ด้าน ปัญญา ๒ ด้านจากภายใน แล้วมันจะเข้าไปถึงความเป็นไปของเรา เราจะเข้าใจเรื่องศาสนา (เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)